
เห็นข่าวน้องปลาวาฬมีถุงพลาสติกในท้องแล้วสลดใจจนรู้สึกว่านี่เราทำอะไรที่พอจะช่วยกันได้มากกว่านี้บ้างมั้ย? มาค่ะ สาวๆ บิวตี้เลิฟเวอร์อย่างเราก็ช่วยได้
มันไม่ใช่แค่ปลาวาฬหรอก แต่สิ่งแวดล้อมทั้งรอบตัวเรา ไกลตัวเรา ท้องทะเล ท้องฟ้า มันได้รับผลกระทบจากขยะกันไปหมดนะ ซึ่งปัญหาขยะที่มากที่สุดก็เห็นจะเป็นขยะพลาสติกต่างๆ ซึ่งในแต่ละปีมีขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางหลายล้านตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ใช้เวลาย่อยสลายเป็นพันปี! ไหนจะพลาสติกห่อหุ้ม กล่องกระดาษ ถุง แผ่นกระดาษแข็งในกล่อง ล้วนแล้วแต่เป็นขยะทั้งนั้น เอาล่ะ เรามาดูกันว่าจะทำอะไรที่ eco-friendly กันได้บ้าง
- เลือกแบรนด์ที่มีนโยบายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
บิวตี้เลิฟเวอร์ในที่นี้เราไม่ได้นับแค่พวกเราคนใช้ผลิตภัณฑ์เท่านั้นนะ แต่ยังรวมผู้ขาย เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางด้วย หลายแบรนด์ที่มีนโยบายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น The Body Shop , Neal’s Yard Remedies , Origins , Aveda เป็นต้น อย่างล่าสุดร้าน All About You ร้านมัลติแบรนด์เครื่องสำอางจากทั่วโลกก็มีนโยบายเลิกห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันการเปิดใช้ก่อนถึงมือผู้ซื้อ แต่เปลี่ยนมาใช้สติ๊กเกอร์กระดาษมาติดไว้แทน คือแค่พลาสติกห่อกล่องบรรจุภัณฑ์เนี่ยก็สร้างขยะได้มากมายแล้วนะ แล้วประโยชน์มันก็น้อยมาก คือแกะแล้วทิ้งเลย นโยบายอีกอย่างคือ ลดราคาสินค้าให้กับลูกค้าหากไม่รับถุงกระดาษด้วยนะ หรือแบรนด์อย่าง Aesop ที่ไม่มีกล่องกระดาษ ไม่มีห่อพลาสติกเลย ถ้าซื้อก็จะได้มาทั้งขวด ทั้งกระปุกแบบโนกล่อง โนพลาสติก
การเปลี่ยนจากห่อพลาสติกบรรจุภัณฑ์ต่างๆ มาเป็นติดสติ๊กเกอร์กระดาษของร้าน All About You
- เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค
การใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค หมายความว่าส่วนผสมต่างๆ จะมาจากธรรมชาติ ซึ่งเมื่อไม่มีการใช้สารเคมี นอกจากจะไม่มีสารเคมีตกค้างในดิน ในน้ำ ในสิ่งแวดล้อมแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับตัวเราก็ยังไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายของเราด้วย อย่างเช่น แบรนด์ Jurlique ที่ใช้ส่วนผสมที่ได้จากฟาร์มเพาะปลูกระบบออร์แกนิคเท่านั้น เป็นฟาร์มที่ปลูกส่วนผสมเหล่านี้เอง โดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูกเลย
Jurlique ประกาศจุดยืนบ่อยๆ ในอินสตาแกรมว่าไม่ใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงในฟาร์มที่เพาะพืชพรรณที่ใช้ในการผลิตสกินแคร์
- หยุดใช้ไม่โครบีดส์
ในบางประเทศ ไมโครบีดส์เป็นสิ่งผิดกฎหมายไปแล้วนะ ไมโครบีดส์คือเม็ดพลาสติกกลมๆ ขนาดเล็กมากๆ แบบที่มีผสมอยู่ในพวกสครับขัดหน้า ขัดผิว ซึ่งไมโครบีดส์เหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และเมื่อเราใช้ มันก็ถูกชะล้างไปตามน้ำ ลงท่อ แม้จะไหลไปผ่านการบำบัดน้ำก่อนลงสู่คูคลองหรือทะเล แต่เจ้าเม็ดบีดส์กลมๆ เหล่านี้ก็จะหลุดรอดออกไป ซึ่งมีการวิจัยพบว่าสัตว์น้ำหลายชนิดกินไมโครบีดส์เหล่านี้เข้าไป แล้วยังไงต่อ พอเราจับมากินมันก็วนกลับมาสู่คนอีกน่ะสิ!
- ใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทไซส์จัมโบ้ไปเลย
ถ้าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้เป็นประจำไม่ค่อยเปลี่ยนแบรนด์กันบ่อยๆ หรือบางอย่างใช้แล้วชอบไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนก็เลือกแบบที่ขายเป็นจัมโบ้ไซส์ไปเลย เพื่อลดการสร้างขยะ และที่สำคัญคือประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้นด้วย อย่างเช่น Innisfree ที่ออกคอลเลคชั่น Eco Hankie ที่ไอเท็มยอดฮิตหลายอย่างจะปรับไซส์เป็นขนาดใหญ่ขึ้น เช่น Green Tea Seed Serum หรือ Fresh ที่ออก Soy Fresh Cleanser ลิมิเต็ดอิดิชั่นเป็นไซส์ใหญ่ขึ้น แถมสวยน่าใช้ด้วย
- นำแพ็คเกจจิ้งกลับมาใช้ใหม่
ลองเข้าไปดูใน Pinterest สิ จะเห็นการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่เก๋ๆ เพียบเลย อย่าง กระปุกครีมที่เอามาปลูกต้นไม้ เอาขวดน้ำหอมมาทำเป็นขวดใส่ดิฟฟิวเซอร์แบบดีไอวาย หรือแก้วเทียนหอมที่เอามาใส่ของกระจุกกระจิกต่างๆ ใส่แปรงแต่งหน้า เก็บอายไลเนอร์ เก็บลิปสติก หรือถ้าคุณหมดไอเดียจริงๆ บางแบรนด์เขาก็มีนโยบายรับคืนบรรจุภัณฑ์ที่ใช้หมดแล้ว พร้อมรับสิทธิพิเศษโปรโมชั่นต่างๆ อย่าง Innisfree หรือ Kiehl’s เป็นต้น เราเคยไป บริษัท Amore Pacific บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ที่มีแบรนด์ดังๆ อย่าง ลาเนจ อินนิสฟรี โซลวาซู อีตูดี้เฮ้าส์ ที่นั่นเค้าจะมีตู้ให้พนักงานเอาพวกขวดเปล่า กระปุกเปล่า บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้หมดแล้วมาทิ้ง เพื่อนำกลับไปรีไซเคิลด้วยนะ เป็นไอเดียที่หลายๆ ที่น่าจะลองทำกันดู