
เชื่อว่า(แทบ)ทุกคนต้องเคยเจอปัญหาสิว โดยเฉพาะคนที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่น หรือแม้กระทั่งวัยทำงานก็ยังเป็นสิวกันอยู่ ทำให้การเลือกใช้ครีมก็ยากขึ้น จึงเกิดเป็นภารกิจตามหาผลิตภัณฑ์ทลายรังสิวให้อยู่หมัด ซึ่งชิ้นที่นำมารีวิวเป็นชิ้นที่ได้รับความนิยม มีทุกความต้องการ แต่จะมีตัวไหนมาวินเรื่องไหน หรือมีคุณสมบัติอย่างไร เลื่อนตามมาอ่านกันเลยจ้า
1. Clinda-M (15 ml / 69 บาท)
เป็นยาแต้มสิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่หนุ่มสาว โดยเฉพาะคนที่ชอบเป็นสิวอักเสบ กับเนื้อสัมผัสแบบน้ำ มีส่วนประกอบของคลินดามัยซินไฮโดรคลอไรด์เทียบเท่ากับ 1 กรัมของคลินดามัยซินเบสในแอลกอฮอล์และน้ำ ซึ่งจะใช้ทาบริเวณที่เป็นสิว 2 ครั้งต่อวัน
ข้อดี : ช่วยให้สิวยุบตัวเร็วขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กังวลปัญหาสิวเฉพาะจุด ใช้ได้ทั้งสิวหัวช้าง และสิวอักเสบ
ข้อเสีย - ใครที่แพ้แอลกอฮอล์ไม่ควรใช้ เนื่องจากจะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้
2. Acna Care Gel (10 g / 95 บาท)
อีกหนึ่งชิ้นที่คนรักษาสิวต้องรู้จักแน่นอน กับเจลสูตรพิเศษ เนื้อสัมผัสซึมง่าย มีส่วนผสมของสารธรรมชาติ Phytosphingosine เพื่อดูแลต้นเหตุของการเกิดสิวโดยเฉพาะ เพียงใช้ทาบางๆ บริเวณที่เป็นสิว 2 ครั้ง เช้าและเย็นหลังล้างหน้าก่อนการบำรุงผิวทุกครั้ง
ข้อดี : กลิ่นไม่ฉุน และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยให้สิวอักเสบยุบไวขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยดำให้กังวลอีกด้วย
ข้อเสีย – สามารถใช้ได้เฉพาะบริเวณที่เป็นสิว ไม่เหมาะสำหรับสิวอุดตัน หรือใช้ทั่วใบหน้าเพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่ หรือคนที่ต้องการรักษารอยดำรอยแดงหลังการเกิดสิว
3. Hiruscar (5 g / 242 บาท)
เน้นดูแลแผลเป็นหลังการเกิดสิว ลักษณะเป็นเนื้อเจลที่ใช้สำหรับทาบริเวณที่ต้องการให้จุดด่างดำแลดูจางลง ปรับสภาพผิวให้ดูสม่ำเสมอ สีไม่หมองคล้ำ พร้อมป้องกันสาเหตุการก่อตัวของสิวใหม่ ด้วยสูตร MPS และ Allium Cepa ผสานสารสกัดจากธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยดูแลแผลเป็นที่บุ๋มให้ดูตื้นขึ้น ซึ่งใช้หลังบำรุงผิว และก่อนแต่งหน้า อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งอย่างต่อเนื่อง
ข้อดี : ชิ้นนี้เหมือนเป็นเจลที่ใช้สำหรับหลังจากสิวหาย แล้วต้องการรักษารอยแดงรอยดำหลังการเกิดสิวให้ค่อยๆ แลดูจางลง ด้วยคุณสมบัติเนื้อเจลที่ซึบซาบเร็ว
ข้อเสีย – ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการรักษาสิวอักเสบ สิวหนอง สิวหัวช้าง ซึ่งควรรอให้สิวหาย แล้วค่อยใช้ชิ้นนี้ในการลดเลือนรอยสิว และไม่สามารถใช้แทนครีมบำรุงผิวหน้าได้ อีกทั้งยังราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณ
4. Tomei Anti-Acne Cream (5 g / 235 บาท)
ครีมดูแลผิวที่มีปัญหาสิว โดยใช้ได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มของการเกิดอาการที่คิดว่าจะเป็นสิวอักเสบ เช่น เจ็บหรือแดง จะช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น โดยไม่ทิ้งรอยให้กังวล เนื้อครีมซึบซาบเร็ว ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว มีส่วนผสมจากธรรมชาตินานาชนิด จึงไม่ทำร้ายผิวเพิ่ม เพียงใช้หลังล้างหน้า และบำรุงผิวต่างๆ ซึ่งแต้มได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
ข้อดี : ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือเป็นคราบขาวหลังแต่งหน้า
ข้อเสีย – หลอดมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับราคา จึงอาจจะแพงไปสำหรับหลายๆ คน
5. La Roche-Posay – Effaclar DUO+ (40 ml / 990 บาท)
มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ที่ใช้ได้แม้คนที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เนื่องจากผ่านทางทดสอบแล้วว่าช่วยลดปัญหาผิว ทั้งไม่อุดตันรูขุมขน และลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว ด้วยประสิทธิภาพ Procerad พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า จึงเหมาะสำหรับผิวมันที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน
ข้อดี: กลิ่นไม่ฉุน ใช้ได้ทุกวัน และสามารถใช้เป็นเมคอัพเบสก่อนการแต่งหน้าได้เช่นกัน
ข้อเสีย – มีส่วนผสมของน้ำหอม จึงไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้น้าหอม ด้วยเนื้อครีมลักษณะกึ่งเจล ซึ่งมีความซึบซาบง่าย แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งถึงแห้งมาก อาจจะต้องใช้ควบคู่กับครีมบำรุงผิวตัวอื่นๆ ไปด้วย เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
6. Eucerin Day Mat Whitening SPF30 (50 ml / 1,200 บาท)
นวัตกรรมที่ตอบโจทย์สำหรับผิวเป็นสิวแต่อยากมีผิวหน้ากระจ่างใสควบคู่ไปด้วย คุณสมบัติเด่นคือ ลดสิว รอยสิว และให้ผิวกระจ่างใสภายใน 4 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังผสมสารป้องกันแสงแดด ด้วยคุณสมบัติ ลิโคซาลโคน ช่วยลดปัจจัยต่างๆ ทื่ทำให้ระคายเคืองผิว จึงช่วยดูแลเรื่องรอยแดงรอยดำให้จางลงเร็วขึ้น และ Natural White Active ลดความหมองคล้ำ
ข้อดี: เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เพราะช่วยลดการระคายเคืองผิว ด้วยสูตรปราศจากน้ำหอม และพาราเบน เนื้อครีมซึมง่าย บางเบา สามารถใช้ได้ทั่วใบหน้า
ข้อเสีย – ตามชื่อเลย Day Mat Whitening จึงเหมาะกับใช้ตอนกลางวันเท่านั้น และถ้าใครต้องเผชิญแดดแรง ควรทาครีมกันแดดเพิ่ม
สรุปผลการรีวิว : ถ้าใครต้องการที่จะลดอาการอักเสบของสิว เราขอโหวตให้กับ Acna Care Gel โดยพิจารณาจากความสามารถที่ช่วยให้สิวอักเสบยุบตัวเร็ว พร้อมราคาที่สมเหตุสมผล แต่ถ้าต้องการรักษารอยสิว และผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง เราขอยกมงฯ ให้ตัว Eucerin Day Mat Whitening ไปเลย เพราะปกติแล้วเนี่ย เป็นคนที่ใช้ครีมประเภท whitening ทีไร สิวบุกทุกที แต่พอมาเจอ Eucerin ในสูตร whitening ที่ช่วยครบทั้งรอยสิว ผิวกระจ่างใส และไม่ทำให้สิวขึ้นใหม่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเลิฟตัวนี้มากๆ ขึ้น ซึ่งสามารถบำรุงได้ทั่วหน้า ถึงราคาจะแรงไปนิด แต่เราว่าคุ้มค่ากับการลงทุน และยังใช้ได้นานอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลที่พร่ำมานี้ไม่ต้องเชื่อเราก็ได้นะ ของแบบนี้ต้องลองใช้เองถึงจะเข้าใจ
*หมายเหตุ*การให้คะแนนที่ต้องทำความเข้าใจกันนะ
ลดสิว : คำนวณจากการใช้ต่อเนื่องใน 1 สัปดาห์
ลดรอยสิว : คำนวณจากการใช้ต่อเนื่องใน 2 สัปดาห์
บำรุงผิว : คำนวณจากการใช้ต่อเนื่องใน 2 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากการทาทั่วหน้า
อ่อนโยนต่อผิว : สังเกตผิวว่าเป็นจ้ำแดง และเป็นผื่นหรือไม่ จากการใช้ต่อเนื่องใน 2 สัปดาห์ (ซึ่งผลตรงนี้อาจจะแตกต่างไปในแต่ละบุคคล เนื่องจากสภาพผิวที่ต่างกันนั่นเองจ้า)
ราคาต่อปริมาณ : คิดจากราคาขาย (ไม่มีส่วนลด) ต่อปริมาณที่ระบุบนผลิตภัณฑ์